อาถรรพ์ตำหนักพระองค์แสตึกเขียว

นอกจากนี้ได้มีเสียงของผู้หญิงที่ได้ร้องไห้หรือว่าเสียงของเด็กที่แบบว่าจะออกมาวิ่งเล่นอะไรกันตอนกลางคืนซึ่งมันก็ดึกขนาดนี้แล้วจะมีใครเขาออกมาวิ่งเล่นชาวบ้านบางคนที่เขาใจกล้าแบบว่าสงสัยก็เข้ามาดูว่ามีใครเข้ามาโวยวายอะไรกัน

เมื่อชาวบ้านคนดังกล่าวได้เข้าไปในที่แห่งนั้นปรากฏว่าพบเจอแต่เพียงความว่างเปล่าแต่ได้มีบางคนได้เห็นเด็กผมจุกนุ่งโจงกระเบนสีแดงวิ่งเล่นกันอยู่พอมองไปที่เด็กคนนั้นเด็กก็เห็นเขาและได้ยิ้มฟันขาวให้เสร็จแล้วก็วิ่งหายเข้าไปในเงามืดมันจะเป็นไปได้ไหมที่จะมีคนแอบเข้าไปวิ่งเล่นในที่แห่งนี้ทั้งที่ตำหนักได้ถูกปิดมาแล้ว

นอกจากนี้เวลาก็ได้ผ่านไปตำหนักแห่งนี้ก็เลยทรุดโทรมลงไปมากในเวลาต่อมาก็เลยได้มีโครงการการบูรณะสถานที่นี้ขึ้นมาใหม่แล้วเวลาที่จะบูรณะซ่อมแซมอะไรก็จะมีหลายๆครั้งที่เขาจะเอาพวกช่างหรือว่าคนงานมานอนพักยังที่บริเวณแห่งนี้เอง

ซึ่งนี้เองก็เป็นที่มาของเรื่องขนหัวลุกกับการเจออะไรแปลกๆของพนังงานในหลากหลายรูปแบบเรามาดูอะไรแปลกๆจากการได้ยินเสียงหรือว่าเห็นไฟถูกเปิดปิดบนที่ตัวตึกมันก็มีอยู๋หลายครั้งเหมือนกันที่พนังงานเขาได้เห็นอะไรแบบนี้เหมือนกับที่ชาวบ้านเขาเคยได้เล่ามาหรือมันจะมีคำบอกเล่าจะพนังงานที่เขาได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ดังออกมาจากตำหนัก

ซึ่งดึกๆแบบนี้ตำหนักที่ไม่มีใครอยู่และทำไมถึงได้มีใครเข้ามาร้องไห้อะไรได้พนังงานเหมือนเขาได้คิดเช่นนั้นแล้วก็ต้องรีบนอนคุมโปรงเลยทีเดียวกลัวผีจะเข้ามาจับขาแล้วก็ภาวนาให้ถือตอนเช้าเร็วๆ

โดยในบางทีที่เหล่าคนงานเขากำลังดื่มเหล้ากันอยู่ก็จะได้ยินเสียงของหญิงสาวออกมาเล่นกันอย่างสนุกสนานเหมือนกับว่าได้สาดน้ำอะไรใส่กันเลยและมันก็เป็นเสียงหัวเราะที่น่ารำคาญของพวกวงเหล้าก็จะมีพนังงานบางคนได้กล่าวไปว่าใครมันมาเล่นอะไรอยู่แถวนี้ก็จะไปด่าว่าไปเต็มแต่

เมื่อพนังงานไปถึงจุดตรงที่ที่มีเสียงปรากฏว่าไม่มีใครอยู่เลยมันเป็นสถานที่ว่างเปล่าแล้วที่สำคัญพื้นที่ตรงนั้นมันก็ไม่มีน้ำเลยเปียกอยู่ด้วย

นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องเล่าที่มากกว่าการส่งเสียงด้วยอย่างเช่นในคำคืนหนึ่งก็มีพ่อแม่ของเด็กสองคนเขาได้พบว่าลูกของเขานั้นได้หายไปพอลูกได้หายตัวไปในพื้นที่ก่อสร้างพ่อแม่ก็แบบกลัวว่าลูกจะเป็นอัตรายก็เดินตามหาด้วยความเป็นพ่อแม่ที่เป็นห่วงลูก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  v9bet