วันนี้เราจะมาเผยผู้ที่มีอิทธิพลฝั่งเมียนมาร์ พันโทยี่เซ กับ พลตรีนะคะมวย ที่มีอิทธิพลถึงขนาดที่ทางการไม่กล้าที่จะเข้ามายิ่งเกี่ยวด้วยมันจริงหรือไม่ โดยถ้าย้อนไปในกรณีที่เป็นข่าวฉาวที่ผ่านมาที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ฆ่าหั่นศพน้องแอ๋มที่ผู้กระทำความผิดตามหมายจับก็คือน้องเปรี้ยวและพวกรวมกันเป้น5คนซึ่งในตอนนั้นกระแสโลกออนไลน์ต่างก็ได้ตีความแล้วเผยแพร่ข้อมูลกันว่า น้องเปรี้ยวมือฆ่าหั่นศพนั้นได้หนีกบดานไปอยู่กับ พันโทยี่เซ ที่ประเทศเพื่อนบ้านก็คือ พม่านั่นเอง
แต่มันจะจริงหรือไม่นั้นพวกคุณอย่าพึ่งรีบด่วนสรุปเพราะคำตอบที่แท้จริงยังไม่มีใครมีหลักฐานมายื่นยังได้แต่ว่า พันโทยี่เซ เขาได้เป็นใครกันทำไมถึงมีอิทธิพลถึงขนาดที่ว่าไม่มีทางการประเทศใดกล้าที่จะเข้าไปจับกุมและวันนี้เราก็จะมาดูประวัติและความมีอิทธิพลของ พันโทยี่เซ กันว่าจะใหญ่โตขนาดไหน
หลังจากที่ทาง พลตรีนะคะมวยผู้นำทหารกองกำลังโก๊ะทูบลอหรือกระเหรี่ยงพุธเพื่อประชาธิปไตที่มีชื่อย่อว่า DKBA ได้ประกาสปิดด่านชายแดนและไม่รับประกันความปลอดภัยของ คนไทย เพราะไม่พอใจที่ถูกทางการ ไทย ขึ้นแบล็คลิสเป็นผู้ที่ค้ายาเสพติดและยังถ้าท้ายให้ ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง รอนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นและได้มีการเดินทางข้ามแดนไปยังเขตอิทธิพลกะเหรี่ยงพุทธในฝั่งพม่าเพื่อตรวจสอบหาว่าตัวเขาเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่ยังไม่มีใครรู้คำตอบและในทั้งนี้ตามประกาสจับ25นักค้ายาเสพติดของศูนย์อำนวยการแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด
สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้ตั้งรางวัลนำจับมูลค่า2,000,000บาท โดยพลตรีนะคะมวย ได้จัดอยู่ในลำดับที่5 ค่าหัว1,000,000บาทถ้าจะว่าไปแล้วนับตั้งแต่รัฐบาลทหารพม่าเริ่มปฏิบัติการกดดันชนกลุ่มน้อยโดยทั้ง17กลุ่มมาตั้งแต่ช่วงปีพุทธศักราช2551จนถึงขณะนี้กำลังจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจึงมีแผนบีบให้ชนกลุ่มน้อยยอมจำนนแต่ก็ยังมีชนกลุ่มน้อยอย่างน้อยสามกลุ่มที่พยายามต่อต้านและเพิ่มกำลังการผลิตยาเสพติด
เพื่อจะนำเงินมาซื้ออาวุธไว้ต่อกอนกับกองกำลังทหารพม่าได้แก่ กลุ่มว้า กลุ่มกองทัพพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตแห่งชาติหรือ NDAA และ กลุ่มกองทัพรัฐฉาย หรือ SSA และเนื่องจากกลุ่ม พันโทยี่เซ ก็เป็นหนึ่งในสามกลุ่มนี้ และตัว พันโทยี่เซ เองยังเป็นที่ต้องการตัวเป็นอย่างมากของทางฝั่งตำรวจไทยเนื่องจากได้เกี่ยวข้องกับอดีตดังกล่าวและยังบวกกับอดีตอื่นๆอีกที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่
สนับสนุนโดย BK8