ที่มาของวันคริสต์มาส ที่เราควรรู้

วันคริสต์มาสถือได้ว่าเป็นวันที่มีการจัดเทศกาล หรือมีความยินดีของคนทั่วโลก แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากเช่นกันที่มีการจัดการเฉลิมฉลองโดยที่ไม่รู้ว่าที่ฉลองวันคริสต์มาสนั้นโดยไม่รู้ความหมายที่แท้จริง ของเทศกาลนี้

โดยเมื่อนานมาแล้ว เรียกว่านานมากกว่าสองพันปีน่าจะได้ ในวันที่25นี้เป็นคืนที่พระเยซูคริสต์ได้เสด็จลงมาเกิดเป็นมนุษญ์ในครรภ์ของหญิงพรมจารีย์ที่มีชื่อว่ามารี โดยพระเยซูนั้นมีส่วนในความทุกข์ยากร่วมกับมนุษย์ โดยนับตั้งแต่ก้าวแรกที่พระองค์เสด็จเข้ามาในโลก 

พระเยซูประสูติบนรางหญ้าอันต่ำต้อยและนอกจากนั้นพระองค์ยังได้สำแดงความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยยอมสละพระชนชีพตายบนไม้กางเขนเพื่อเป็นการไถ่บาปให้กับมนุษย์ทุกคน เพื่อผู้ที่เชื่อวางใจในพระองค์ จะไม่พินาจและมีชีวิตนิรัน

ดังนั้นคริสต์มาสจึงเป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองว่าพระเยซูคริสต์ ได้มาบังเกิดในโลกนี้แล้วเพื่อเป็นการช่วยมนุษย์ทุกคนให้รอดพ้นจากความบาปผิดทั้งปวง โดยงานฉลองเทศกาลคริสต์มาสเริ่มครั้งแรกในปี คศ 336 ในสมัยโรมันเรืองอำนาจ

เดิมทีเดียวในวันที่ 25 ธันวาคมได้เป็นเทศกาลบูชาดวงอาทิตย์ที่ได้ให้แสงสว่างและดวงอาทิตย์แก่มนุษย์ของชาวโรมัน แต่ต่อมาเมื่อชาวโรมันกลับใจใหม่มาเชื่อพระเจ้าจึงได้ใช้วันที่ 25 ธันวาคมนี้เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

ในเทศกาลนี้จะมีการประดับตกแต่งต้นคริสต์มาสอย่างงดงาม และสำหรับดาวที่อยู่บนยอดของต้นคริสต์มาสมันก้คือสัญลักษณ์ที่นึกถึงพระเยซูและถือได้ว่าเป็นดาวที่นำทางเหล่าโหราจารย์ไปถึงที่ที่พระกุมารเยซูประสูจน์ สีเขียวจากสีของต้นสนเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและความสดชื่น

และสีแดงจากผลของต้นฮอลลี่เป็นสัญลักษณ์ของความรัก แทนสีของพระโลหิตของพระเยซูที่หลั่งออก เพื่อไถ่บาปให้กับมนุษย์ และสีขาวจากหิมะในฤดูหนาวแทนสีแห่งความบริสุทธิ์ของพระกุมารเยซู สีทองเป็นสีของดาวที่นำทางเหล่าโหราจารย์ไปพบพระกุมาร และใช้แทนสิ่งที่มีคุณค่า

ในเทศกาลคริสต์มาสจะมีกลุ่มคริสต์เตียนไปร้องเพลงแคเลอริ่งตามบ้านเรือนต่างๆ ว่าบัดนี้พระเยซูได้มาบังเกิดในโลกนี้แล้ว รวมทั้งมอบของขวัญและอวยพรให้กันและกันโดยคนในครอบครัวอยู่กันถ้วนหน้าร่วมรับประทานอาหารด้วยกันอย่างมีความสุข 

ดังนั้นในวันนี้จึงเห็นผู้คนและทุกคนจะมาอยู่ร่วมกันพร้อมกับร้องเพลงและให้ของขวัญกัน ซ฿งนับว่าเป็นวันดีๆอีกหนึ่งวันที่เรานั้นควรจะรักษาเอาไว้ เพราะนอกจากจะได้ระลึกถึงพระเยซูแล้ว ทุกคนก็กลับมาเจอกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกรอบ

 

สนับสนุนโดย   u12