ตำนาน ปีศาจโคงกระดูกยักษ์  Gashadokuro

     เกี่ยวกับเรื่องเล่าของปีศาจเกชาโดคุโระหรือปีศาจโครงกระดูกยักษ์นี้เป็นเรื่องเล่าที่มีการเล่าขานต่อๆกันมาในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเรื่องเล่านี้มีอายุเก่าแก่ยาวนานมากกว่า 1000 ปีแล้ว เรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานปีศาจโครงกระดูกยักษ์นี้มีการเล่ากันว่ามีชายผู้หนึ่ง

ซึ่งเขามีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โตในสมัยนั้นโดยเขาเป็นถึงขุนพลนักรบผู้ยิ่งใหญ่อยู่มาวันหนึ่งขุนพลท่านนี้ได้มีการคิดการใหญ่และก่อการกบฏขึ้นและการกบฏในครั้งนั้นก็ส่งผลให้ขุนพลคู่นั้นได้ขึ้นครองเป็นเจ้าเมืองอย่างไรก็ตาม ขุนพลท่านนี้มีลูกสาวอยู่คหนึ่ง

เธอนั้นได้ไปเรียนเวทมนต์คาถามาทำให้เธอนั้นเป็นแม่มดที่มีพลังอำนาจและความเก่งกาจสามารถ  เธอจึงได้ชื่อว่าเป็นเจ้าหญิงที่มีพลังอำนาจของแม่มด อย่างไรก็ตามเจ้าหญิงได้ใช้วิชาอาคมของเธอปลุกเสกโครงกระดูกยักษ์ขึ้นมาโดยเธอนั้นต้องการให้โครงกระดูกยักษ์นี้คอยปกป้องและปกปักรักษาเธอและประสาทของเธอที่เธออาศัยอยู่ 

สำหรับปีศาจโครงกระดูกยักษ์ที่องค์หญิงสร้างขึ้นมานั้นมีชื่อว่าปีศาจโครงกระดูกยักษ์ Gashadokuroซึ่งรูปร่างของมันนั้นจะมีขนาดใหญ่มหึมา สำหรับปีศาจตนนี้นั้นมันมีนิสัยดุร้ายเป็นอย่างมากชาวบ้านเชื่อกันว่าก่อนหน้าที่มันจะถูกปลุกให้ขึ้นมาเพื่อปกป้องปราสาทของเจ้าหญิงนั้นมันเป็นโครงกระดูกที่ถูกฝังเอาไว้ในหลุมศพกลางทุ่งนาหรือในสนามรบ และยังมีเสียงเล่าลือจากชาวบ้านพูดถึงปีศาจยักษ์ Gashadokuro ตัวนี้ด้วยว่าหลังจากเที่ยงคืนไปแล้วของทุกคืนหากใครออกมานอกบ้านก็มักจะเห็นโครงกระดูกยักษ์ตนนี้เดินอยู่รอบๆบริเวณประสาท และถึงแม้ว่าใครจะไม่ออกมาเดินกลางคืนแต่ก็มักจะได้ยินเสียงฟันและกระดูกของมันกระทบกันในทุกค่ำคืนเลยทีเดียว

ว่ากันว่าถ้าใครก็ตามที่ออกมาเดินในช่วงเวลายามค่ำคืนแล้วได้บังเอิญไปเจอกับปีศาจโครงกระดูกยักษ์แล้วก็เขาเหล่านั้น จะไม่มีชีวิตรอดกลับไปอีกเลยเนื่องจากว่าปีศาจโครงกระดูกยักษ์จะจับมนุษย์คนนั้นที่มันเห็นมาหักคอและบดขยี้ร่างกายให้แหลกเหลว สำหรับตำนานของการกำเนิดของ Gashadokuroนั้น

มีความเชื่อกันว่าโครงกระดูกยักษ์นี้เกิดมาจากวิญญาณหลายๆตนไม่ว่าจะเป็นเหล่าทหารที่เสียชีวิตจากการสู้รบหรือแม้แต่จากพวกเชลยศึกต่างๆที่เสียชีวิตจากการสู้รบก็ตาม รวมถึงยังมีวิญญาณของเหล่าผู้เสียชีวิตที่ตายจากการเกิดสงครามเพราะเกิดจากความอดอยาก มาหล่อหลอมรวมกันจนกลายเป็นโครงกระดูกขนาดยักษ์ดังกล่าว

และ ศพเหล่านี้ไม่ได้รับการทำพิธีกรรมอย่างถูกต้องจึงกลายมาเป็นวิญญาณที่มีความหิวโหยนั่นเอง และเมื่อศพไม่ได้ถูกทำพิธีเผาพวกมันจึงเป็นโครงกระดูดที่ถูกฝังเอาไว้ และถูกนำมาประกอบพิธีกรรมจนทำให้โครงกระดูกเหล่านี้กลายมาเป็นโครงกระดูกยักษ์ที่ชื่อ  Gashadokuroนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย  ซื้อหวยฮานอยออนไลน์