ซีอุย เริ่มรู้ตัวเองแล้วว่าไม่ปลอดภัย

วันเวลาในผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่วันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยนำมาสอบสวนจำนวนสองคนและแน่นอนผ฿ต้องสงสัยทั้งสองคนไม่ได้มีซีอุยรวมอยู่ด้วยแต่ในท้ายที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ปล่อยตัวทั้งสองคนไปเพราะพยานหลลักฐานนั้นได้มีไม่เพียงพอที่จะเอาผิดได้จากนั้นความหวากกลัวก็ได้เริ่มครอบงำชาวบ้านจนวันๆไม่ต้องทำมาหากินจะต้องคอยอสดส่องบุตรหลานไม่ได้ถูกคนร้ายเอาตัวไปสังหารควักเอาตับไตใส้พุงออกมากิน เหยื่อรายที่ ห้า เด็กหญิงหงั่น แซ่ลี้ อีกประมาณสี่เดือนถัดมาวันที่27เดือนตุลาคม พศ2498 ที่อำเภอสามร้อยยอด เด็กหญิงหงั่น แซ่ลี้

บุตรสาวรายหนึ่งได้หายตัวไปพร้อมกับน้องสาวทารกวัยเพียงแค่8เดือนหลังได้พากันไปดูลิเกที่ได้เปิดอยู่ที่ข้างบ้านก่อนที่ในเวลาต่อมาจะพบทารกน้อยนอนร้องไห้อยู่ที่ริมถนนไม่ไกลจากโรงลิเกมากนักรุ่งเช้าก็ได้พบศพเด็กหญิงหงั่น แซ่ลี้ พี่สาวชั้นป.3อยู่ไกล้โรงเก็บน้ำมันของกรมทางหลวงซึ่งตั้งอยู่ท้ายตลาดสามร้อยยอดสภาพพศนั้นไม่แตกต่างไปจากสองศพที่ผ่านมาเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญในครั้งนี้ พลตํารวจเอกเผ่า ศรียานนท์อธิบดีกรมตำรวจในสมัยนั้นถึงได้ออกคำสั่งเด็ดขาดให้ตามล่าตัวคนร้ายมาให้ได้

โดยเร็วและมีนายตำรวจผู้ใหญ่จากกรมตำรวจมากมายต่างก็ได้เดินทางมาที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เพื่อเร่งขี่คายคดีแต่อย่างไรก็ตามตำรวจก็ยังไม่สามารถที่จะจับตัวคนร้ายได้นำซ้ำหนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวอยู่ทุกวันจนชาวบ้านนั้นต่างก็จะต้องอยู่กันอย่างหวาดกลัว เหยื่อรายที่ หก ในววันที่6เดือนกุมภาพันธ์ พศ2500 เด็กหญิง ซิวจูแซ่ลิ้ม ซีอุย ได้ไปเที่ยวงานตรุษจีนที่จังหวัดนครปฐมและในบังเอิญก็ได้เจอเด็กหญิง

ซิวจูแซ่ลิ้มอายุราวประมาณ5ขวบซีอุยได้รวงเหยื่อด้วยที่วิธีการเดิมๆโดยการเอาขนมมาหลอกล่อจนทำให้เด็กน้อยพัดหลงกันกับแม่จากนั้นก็ได้ลงมือสังหารและชำแหละเอาเครื่องในไปกินที่บริเวณที่ใต้ต้นจามจุรีแถวลานองค์พระปฐมเจดีย์นั่นเองโดยในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างก็ได้เร่งลัดทุกวิถีทางเพื่อที่จะหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้

แต่ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงนำตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนจากนั้นก็ปล่อยตัวออกไปซึ่งแน่นอนก็ไม่ใช่ซีอุยอีกเช่นเดิมแต่ในขณะเดียวกันซีอุยเริ่มรู้ตัวเองแล้วว่าไม่ปลอดภัยแล้วจึงได้หลบหนีเที่ยวไปทำงานแบบเร่ร่อนค่ำไหนนอนนั่นไปเรื่อยๆแบบนกขมิ้นจนกระทั่งซีอุยนั้นได้ไปทำงานเป็นสลูกจ้างอยู่ในสวนผักที่ตําบลเนินพระ อําเภอเมือง จังหวัดระยอง